ผนังของรูหูอักเสบแดง มีเลือดหรือหนอง มีกลิ่นเหม็น เกา คัน สะบัดใบหู
สาเหตุ
- เกิดจากการติดเชื้อ เช่นแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อยีสต์ ไรในหู
- น้ำเข้าหูนานๆ โดยไม่เช็ดออก ---> หูอับชื้น/อักเสบ มีเชื้อต่างๆเข้ามาแทรกซ้อน
- อาการแพ้ หรือภูมิแพ้ บางอย่างก็ออกอาการที่หูได้เช่นกัน
การตรวจวินิฉัย
ทำคล้ายๆกับการตรวจหาไรในหู คือใช้ไม้สำลีแคะหูเก็บตัวอย่าง และนำไปส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ แต่ต่างกันตรงที่ เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อยีสต์ มีขนาดเล็กมากและ ใสไม่มีสี ดังนั้นจึงต้องย้อมสีก่อน เพื่อเวลาส่องกล้องจะได้มองเห็น
การรักษา
ขึ้นอยู่กับว่าเป็นเชื้อตัวไหน การรักษามีทั้งยากิน ยาฉีด ยาหยอดหู
*** กรณีที่เป็นเรื้อรัง รักษาไม่หายซักที อาจทำการเก็บตัวอย่างในรูหูไปเพาะเชื้อและทำการทดสอบหาความไวของยาด้วยก็ได้ จะได้จัดยาให้ตรงกับเชื้อ (การเป็นเรื้อรังรักษากันมานานๆ หรือเปลี่ยนคลินิกบ่อยๆ ได้ยาไม่ต่อเนื่อง อาจทำให้เกิดการดื้อยาได้ จึงอาจต้องทำการทดสอบหาความไวของยา)
ดังนั้นการรักษาหูอักเสบโดยทั่วๆไปจะมีดังนี้ครับ
- รักษาที่สาเหตุ (ต้องตรวจให้รู้ก่อนว่าเกิดจากอะไร และรักษาให้ตรงกับสาเหตุ) เช่นการให้ยาปฏิชีวนะในกรณีที่เกิดจากการติดเชื้อ, การหยอดหลังด้วย Revolution หรือ Advocate กรณีที่เกิดจากไรในหูเป็นต้น
- การล้างทำความสะอาดช่องหู ด้วยผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดช่องหู
- การหยอดยาหยอดหูเช่น ยาหยอดหู Dexoryl หรือ ยาหยอดหู Otomax หรือ ยาหยอดหู Aurizon
- บรรเทาตามอาการ เช่นเกาคันมาก อาจต้องให้ยาลดคันร่วมด้วย
- การป้องกันการทำร้ายตัวเองโดยใส่ collar ป้องกันการเกา
- ป้องกันการติดต่อตัวอื่นๆ เช่นกรณีเป็นไรในหู
- ป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำอีก