วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2554

แมวน้อยกับโรคไรในหู : Ear Mite

สาเหตุ
   เกิดจากการติดไรในหูที่มีชื้อว่า "Otodectes cynotis" หรือที่เราเรียกกันว่า "ear mite" มักชอบอยู่ในที่อับและมี ความชื้น





อาการ   เกาที่ใบหูหรือสะบัดหัวไปมา ถ้าดูภายในหูจะพบขี้หูที่มีลักษณะเป็นสีดำหรือสีน้ำตาลเข้มเป็นจำนวนมาก รวมทั้งอาจพบน้ำ และบางกรณีอาจมีการอักเสบของหู ร่วมด้วยทำให้แมวรู้สึกคันมากและแมวจะแสดงออกโดยการเกาหรือสะบัดหัวไปมา


การตรวจวินิจฉัย
   ทำได้โดยการใช้ไม้สำลีแคะหู(Cotton bud)เก็บตัวอย่างขี้หูไปส่องตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์เพื่อดูตัวไร

*** การพบขี้หูสีดำจำนวนมาก และวินิจฉัยว่าเป็นไรในหูนั้นไม่ใช่การวินิจฉัยที่ถูกต้อง เพราะมีปัญหาช่องหูอักเสบหลายอย่างที่ทำให้เกิดขี้หูสีดำปริมาณมากได้ ดังนั้นดีที่สุดคือเก็บตัวอย่างขี้หูไปส่องกล้องหาตัวไร ***


ข้อสังเกตุ
   ไรในหูจะอาศัยอยู่แต่ภายในรูหูเท่านั้น ในขณะที่ไรขี้เรื้อนแห้งก็จะอยู่ที่ผิวหนังใบหู ขอบหูแต่ไม่เข้าไปในรูหูเช่นกัน (แต่สัตว์บางตัวก็อาจจะเป็นทั้ง 2 อย่างพร้อมๆกันได้นะครับ)





การรีกษา
    1. ฉีดยา Ivermectin 300 ไมโครกรัม/กิโลกรัม  ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง 2 ครั้ง  ห่างกัน 14 วัน
    2. หรือหยอดหลังด้วย Revolution หยอด 3 ครั้ง ห่างกันครั้งล่ะ 14 วัน
    3. หรือหยอดหลังด้วย Advocate ทุกๆเดือน
    4. การล้างทำความสะอาดช่องหู ด้วยผลิตภัณฑ์สำหรับทำความสะอาดช่องหู
    5. การหยอดยาหยอดหูด้วยยาที่สามารถฆ่าตัวไรได้เช่น ยาหยอดหู Dexoryl
    6. ร่วมกับการรักษาบรรเทาตามอาการต่างๆ เช่นยาลดคัน, ยาปฏิชีวนะในรายที่มีการติดเชื้อในช่องหูแทรกซ้อน, การใส่ collar ป้องกันการเกา



ความสำคัญ
  • ไรในหูเป็นโรคที่สามารถติดต่อสัตว์อื่นได้  จึงควรแยกบริเวณจากสัตว์อื่นๆจนกว่าจะหายดี
  • ไรในหูเป็นโรคที่รักษาให้หายขาดได้  แต่สามาถติดต่อกลับมาเป็นอีกได้เช่นกัน

ที่มาจาก : http://www.click2vet.com/   น.สพ.กิติกร เกียรติยิ่งอังศุลี